วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Customer Loyalty ของร้านทำเล็บสร้างอย่างไร



มาตามสัญญาค่ะ วันนี้ได้กำลังใจเพื่อนที่ติดตามอ่าน Blog เราบอกว่าอ่านแล้วรับรู้ถึงความรู้สึกผู้เขียนได้ ดีใจสุดๆเลยค่ะ คราวนี้จะพูดถึงการทำอย่างไรให้ลูกค้าติดการบริการของร้านทำเล็บและกลับมารับบริการอีกครั้ง อันนี้นอกจากโอจะใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ในร้านของตนเองแล้ว ยังมีข้อมูลจากการไปใช้บริการร้านอื่นๆด้วยค่ะ วิธีการให้เกิด Customer Loyalty ในร้านทำเล็บมีหลายวิธีมากค่ะ

1. การบริการที่ดี หัวข้อนี้เป็นหลักใหญ่สุดของร้านทำเล็บ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราบริการไม่ดี การขายอย่างอื่นหรือกลยุทธอื่นๆจะไม่เกิดตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งหัวข้อนี้ยังรวมไปถึงการบริหารพนักงาน ให้ทำงานออกมาได้อย่างมีระเบียบ และมีประสิทธิภาพ ให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด เป็นหลักการที่โอว่ายากมากค่ะ เพราะพนักงานแต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน มาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน การศึกษาก็ไม่เหมือนกัน ทำให้แต่ละคนก็มีปัญหาแตกต่างกันไป โอมักจะพูดคุยกับพนักงานอย่างเป็นกันเอง เท่าเทียมกัน รับฟังปัญหาของพวกเค้า และหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับร้าน ประโยคที่โอมักจะพูดกับพวกเค้าก็คือ "ร้านนี้เป็นของทุกคน เป็นหม้อข้าวของทุกคน ดังนั้นอย่าทุบหม้อข้าวตัวเอง รักร้านให้มากๆ" แต่ชีวิตจริงของอาชีพบริการของเราก็คือ ในบางครั้งที่ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ก็อาจจะไม่ได้ดีที่สุดในสายตาลูกค้า หรือเรียกอีกอย่างว่า ความต้องการไม่ตรงกัน ซึ่งโอก็ว่าการเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ถึงจะทำให้เราผิดหวัง แต่ทุกครั้งมันทำให้เราโตขึ้น และมีภูมิต้านทานในการที่จะหาวิธีการมาแก้ไขสิ่งเหล่านี้  ร้านของเราก็ได้พัฒนาขึ้น ขอบคุณทุกคำติชมที่ทำให้ร้าน i-wax มีทุกวันนี้ค่ะ

2. พอเราบริการดีและสามารถทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้แล้ว ก็เข้าสู่กลยุทธการขาย บางร้านขายแพคเกจโดยลูกค้าจะได้รับบริการในราคาที่พิเศษขึ้น และเป็นการการันตีว่าลูกค้าจะกลับมาใช้บริการกับเราในครั้งหน้าแน่นอน หรือบางร้านขายเป็นวงเงิน เช่น จ่าย 3000 ได้รับบริการ 5000 บาท นี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการกับเราอีกครั้ง

3.  การทำโปรโมชั้นอย่างสม่ำเสมอลงตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook,  line หรือ Instagrame ล้วนเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าติดตามร้านเรา และรับรู้ว่าเราเอาใจใส่ลูกค้า ดูมีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ

4. การสร้างเพจโปรโมทร้าน โชว์ผลงาน ลงโฆษณา สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยให้ลูกค้าเห็นผลงาน ถ้าแบบถูกใจเค้า ก็สามารถดึงลูกค้ามาใช้บริการกับเราได้

ร้านเล็กๆแบบโอ สิ่งที่ได้กล่าวมาโอเป็นคนคิดและจัดการทำเองทั้งหมดค่ะ ดีที่ได้คนร่วมงานที่ดี เราเลยมีเวลาในการมาอัพเดตสิ่งเหล่านี้ แต่โอเห็นบางร้านเค้าจ้าง Marketing มาทำ ซึ่งถ้าร้านไหนได้ Marketing เก่งๆและขยันอัพเดต ยอดขายเพิ่มขึ้นเยอะมากค่ะ ดังนั้นเพียงแค่เราขยันคิด ขยันทำ สิ่งดีดีต้องตามมาแน่นอนค่ะ

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

เสน่ห์ของธุรกิจร้านทำเล็บ

จะมีธุรกิจไหน ที่จะได้พบกับคนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศในตำแหน่งต่างๆ จนถึงเจ้าของธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ระดับประเทศ ร้านทำเล็บเป็นธุรกิจหนึ่งที่ทำให้โอได้เพื่อนดีดีมากมาย เพียงแค่เราบริการเค้าด้วยใจ

ในขณะที่เราให้บริการลูกค้า ด้วยเก้าอี้พนักงานตัวเดิม ที่เดิม แต่ลูกค้าสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โอพบว่านอกจากที่เราจะคุยกับลูกค้าในเรื่องของความต้องการที่ลูกค้าอยากได้จากการมารับบริการครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงเล็บ ประเภทของสีเล็บ หรือลูกเล่นในการเลือกสีมาลงเล็บแต่ละนิ้ว บางทีเราก็ได้คุยกันในเรื่องของงานที่พวกเค้าได้เจอ หรือรูปแบบธุรกิจที่เค้าได้ทำ

สิ่งเหล่านี้ล้วนกลายเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์โดยที่โอไม่รู้ตัว บางเรื่องเรารู้สึกสนุกกับการได้ฟังลูกค้าเล่า มีคุณลูกค้าอยู่คนนึง รวยมากเวลามารับบริการร้านโอ บางครั้งขับแฮมเมอร์ บางครั้งขับบีเอ็บ X6 คุณลูกค้าคนนี้เป็นคนใจดี ไม่พิธีรีตองอะไรมากมาย โอมักเรียกเค้าว่าคุณแม่เพราะเค้าพาลูกสาวมาแว็กซ์ขาที่ร้านด้วย เค้ามักจะเล่าให้ฟังว่าสามีเป็นคนขยัน ไม่ว่าจะรวยแค่ไหนก็ดูแลความสะอาดบ้านเองเพราะไม่มีใครทำได้ดีเท่าเค้า และใช้เงินประหยัดมากทั้งๆที่ปัจจุบันรวยมหาศาล โอเกิดความสงสัยและถามคุณลูกค้าอย่างซื่อๆว่า "คุณแม่ค่ะคุณพ่อเค้าทำยังไงถึงรวยค่ะ" คำตอบที่ได้คือ "พ่อเค้าทำมาหลายอย่างมาก และเพิ่งมาประสบความสำเร็จและรวยมหาศาลตอนอายุ 50" ว้าวว ความพยายามอยู่ที่ไ หน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น มันมีอยู่จริงค่ะ ขอแค่คุณพยายามอย่างเพียงพอ และทำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ย่อท้อ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบรรดาลใจให้โอพยายามต่อ เพราะตอนนี้เพิ่ง 27 เอง อีก 10 ปี 20 ปี ก็ยังไม่สาย ที่จะเริ่มต้นทำอะไร เราทุกคนทำได้ค่ะ ขอแค่ใจถึงกับมัน

นอกจากในเรื่องของแรงบรรดาลใจจากลูกค้าแล้ว โอยังเป็นผู่รับฟังปัญหาที่ดี ถึงแม้เราจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ทำให้เค้ารู้สึกได้ระบาย บางสิ่งที่เราพอจะช่วยเค้าได้โอก็เต็มใจช่วยเหลือค่ะ บางครั้งได้ฟังถึงข้อผิดพลาด หรือเรื่องราวไม่ดีที่คุณลูกค้าได้ประสบมา ก็ทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้น



สิ่งเหล่านี้เป็นเสน่ห์ที่ทำให้โอรักในธุรกิจนี้มากๆ มันไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเงินที่เราได้มา แต่ยังได้มิตรภาพดีดี ความหวังดี กำลังใจในการใช้ชีวิตที่ไม่อาจหาได้ตามท้องถนนทั่วไป ลูกค้าหลายคนที่โอรู้จักเค้ามาตั้งแต่ยังไม่มีแฟน จนแต่งงาน จนมีเจ้าตัวน้อย อาจมาร้านน้อยลงบ้าง แต่โอรู้สึกดีที่ได้เห็นชีวิตที่เติมเต็มขึ้นเรื่อยๆของลูกค้าแต่ละคน

ถ้าใครที่อยากทำธุรกิจนี้ โดยดูแค่ตัวเงินที่จะได้รับ คุณอาจจะรอดถ้าคุณมีทีมงานที่ดีและทุนที่หนาพอในการจะจ้างคนที่รักในอาชีพนี้ และรักร้านของคุณพอ แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่ได้มีเงินทุนอะไรมากมาย และยังหวังแต่กำไรอีก โอบอกได้เลยค่ะว่าไปรอดยาก อาจฟังดูโหดร้าย แต่นี้แหล่ะโลกของธุรกิจ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณคิดเอาแต่ได้ มีความโลภ และไม่ได้รู้จักการให้แล้ว ลูกค้าจะรับรู้ได้ทันที และจะไม่เกิด Loyalty ในธุรกิจของคุณแน่นอน คราวหน้าโอจะมาพูดถึงการสร้าง Customer Loyalty หรือการทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรา และย้อนกลับมารับบริการอีกครั้ง ไม่ว่าเค้าจะย้ายบ้านไปอยู่ไกลจากร้านเราแค่ไหนก็ตาม โอว่าเป็นประโยชน์ก็คนที่อยากเปิดร้านในฝันของตัวเองแน่ๆค่ะ





วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

จุดใด ทำให้เจ้าของร้านต้องจับกรรไกรตัดหนังเอง

สิ่งที่ทำให้โอต้องจับกรรไกรตัดหนังเอง ก็คือปัญหาเรื่องคนค่ะ ตอนนั้นยังเด็กมาก ไม่รู็จะคุมคนยังไง ไม่มีกฏกติกาอะไรในร้าน เราอาศัยคำว่า "อยู่กันแบบพี่น้อง" ซึ่งฟังดูดีค่ะ ใครๆก็อยากทำงานในที่ที่เป็นกันเอง ไม่มีความกดดัน แต่สิ่งที่ฟังดูดีนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะความไม่มีระบบ คนที่เข้ามาก็ไม่มีระบบ แล้วเค้าก็ไปแบบไม่มีระบบ

การแก้ปัญหานอกจากทำระบบที่ดีแล้วเจ้าของร้านที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เงินทุนไม่ได้หนามาก เจ้าของควรทำเองเป็นค่ะ เผื่อในวันที่พนักงานขาด เราก็สามารถทำเองได้ ลูกค้าหลายคนชอบให้เจ้าของทำเองด้วยซ้ำค่ะ เพราะเราทำด้วยความตั้งใจ เพราะนี้เป็นร้านของเราเอง

ความรู้สึกแรกที่ต้องจับกรรไกรตัดหนัง มันค่อนข้างน่ากลัวนะคะ เพราะถ้าเราเกิดผิดพลาดตอนทำลูกค้านั้นอาจทำให้ลูกค้าเป็นแผลได้เลยทีเดียว ดังนั้นการที่จะใช้กรรไกรได้ดีต้องมี 3 สิ่งหลักๆต่อไปนี้ค่ะ

1. ความใจเย็น งานบริการอย่างเราจะใจร้อนไม่ได้ ต้องทำอย่างนุ่มนวลและค่อยๆทำค่ะ เป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยนะคะ
2. ความละเอียด การตัดหนังให้สวยงามได้นั้น ความละเอียดลออค่อยๆตัดแต่ง จะทำให้ผิวเรียบเนียนกว่าการที่ตัดหนังครั้งละมากๆ ดังนั้นการทำให้งานออกมาดี ความละเอียดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากอีกเรื่องค่ะ
3. การตั้งใจฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้ืจะทำให้เรามีความชำนาญในการตัดหนังขึ้น และได้สั่งสมประสบการณ์จากเครสลูกค้าต่างๆ ทำให้ไม่ว่าเจอเล็บในสภาพแบบไหนก็จัดการได้ดี จะใช้เวลามากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดแต่ละคนด้วยค่ะ แต่ถ้าฝึกฝนเป็นประจำ โอการันตีเลยค่ะ ทำได้แน่นอน

โอเชื่อว่าคนเราสามารถทำได้ทุกอย่างค่ะถ้าฝึกฝนอย่างจริงจัง ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผลออกมามันยังไม่ดีแปลว่าเรายังฝึกฝนไม่พอค่ะ การที่เอาเงินพ่อแม่มาลงทุนเป็นการกดดันตัวเองอย่างหนึ่ง ที่ผลักดันให้โอยังไงก็ต้องตัดหนัง ทำเล็บ แม้แต่ตัดเล็บขบก็ต้องทำได้ และต้องทำให้ได้ดีด้วย โอเรียนรู้การทำเล็บจากช่างบ้าง จากการไปเรียนตามสถาบันบ้าง ซึ่งจริงๆแล้วการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงจะได้ผลเร็วที่สุด จากประสบการณ์ การไปเรียนที่สถาบัน เค้าจะออกแบบให้เรารู้วิธีการต่างๆจนครบ แต่การที่เราจะเก่งไม่เก่ง ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของเราหลังจากเรียนค่ะ แล้วเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยที่มาช่วยเติมเต็มให้โอ โอได้จากช่างค่ะ ถึงพวกเค้าจะออกไปอย่างไม่มีระบบ แต่โอก็ได้ความรู้ต่างๆมากมายจากคนเหล่านั้น และได้ข้อคิดที่จะมาปรับปรุงพัฒนาร้านต่อไป

ขั้นตอนการทำเล็บตัดหนังมีหลักๆดังนี้ค่ะ เผื่อใครจะนำไปประยุกต์หรือใช้กับร้านตัวเองได้นะคะ

1. ตัดเล็บ เราควรถามลูกค้าก่อนว่าจะตัดทรงอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเลือกกัน 2 ทรงคือ ทรงมน กับทรงเหลี่ยม
2. ล้าง ขัดทำความสะอาดมือและเท้าให้ลูกค้า ถ้าเป็นเท้าจะมีขั้นตอนการขัดสันเท้ามาเพิ่มด้วย หลังจากนั้น ก็แช่ไว้ในน้ำที่สะอาด บางร้านอาจมีการใส่เกลือหรือน้ำแร่ลงไปเผื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับการทำเล็บด้วย บางร้านมีการขัดผิวด้วยเกลือสครับในขั้นตอนนี้ด้วย และอาจมีการพอกผิวเสริมเพิ่มก่อนการตัดหนังด้วย
3. ดุนหนัง ตัดหนัง ใช้วาสลีนไปตัวช่วยให้หนังนุ่ม และตัดได้ง่ายขึ้น ซึ่งไม่ควรตัดลึกมาก ตัดแค่ที่ผิวถลอกหรือตรงหนังแข็งๆ ต้องค่อยๆเล็มให้เรียบที่สุดและไม่เป็นคลื่น
4. ทำความสะอาดอีกครั้ง อาจจะถูสบู่ล้างใหม่ หรือ เช็คด้วยแอลกอฮอร์ก็ได้ค่ะ
 5. นวดลูกค้าด้วยครีมบำรุงมือเท้า
6. เช็ดหน้าเล็บเพื่อเตรียมผิวเล็บสำหรับการทาสี ไม่งั้นหน้าเล็บจะมันและทาสีไม่ติด
7. ทาสีเล็บตามที่ลูกค้าต้องการ โดยเริ่มจากการทา Base coat ตามด้วยสีและ Top Coat เพิ่มความเงางามให้กับสีเล็บค่ะ

ขั้นตอนการทำเล็บคร่าวๆก็มีประมาณนี้นะคะ ถ้าทำครบทุกขั้นตอนมือ เท้าลูกค้าจะดูสวยสะอาดเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง แค่เห็นก็ภูมิใจเล็กๆ เป็นความสุขของช่างอย่างเราค่ะ ไว้จะมาแชร์เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ที่โอได้เจอมาจากเครสลูกค้าแต่ละคนให้ฟังต่อนะคะ

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ความทรงจำแรกของ i-nail

ร้านโอไม่ได้กำเนิดมาจากการเป็นคนชอบทำเล็บ...

หลายคนถามว่า ทำไมคุณโอถึงมาเปิดร้านทำเล็บค่ะ ทั้งที่ปริญญาตรีจบศิลปศาสตร์ เอกจีน ธรรมศาสตร์ ปริญญาโทจบ Finance จริงๆถ้าไปสมัครทำงานบริษัทก็มีหลายบริษัทพร้อมจะอ้าแขนรับ เพราะเราได้ทั้งวิชาการและภาษา

เอาตรงๆเลยนะคะ ร้านโอกำเนิดจากการคิดที่จะใส่ใจตัวเองจากจุดเล็กๆ คือการที่สนใจการแว็กซ์ขนใต้วงแขน เพราะเรารู้สึกว่ามันดีกว่าการโกน คือ ขนที่เกิดขึ้นบางลงเรื่อยๆ และระยะเวลาในการขึ้นก็นานขึ้น ซึ่งถ้าโกน วันเดียวเห็นผลค่ะ ขึ้นดกมาเชียว (ยกเว้นบางคนนะคะ ยิ่งโกนยิ่งบาง แบบนี้เกิดมาโชคดีจริงๆ ไม่ต้องแว็กซ์ ไม่ต้องเลเซอร์ ประหยัดตังส์สุดๆ)

โอเลยเริ่มธุรกิจจากการเปิดร้านแว็กซ์ขนค่ะ โดยชื่อแรกคือ i-wax ตอนนั้น iphone4 กระแสกำลังมา เลยเอาเจ้าตัว i นี้แหล่ะ มาต่อท้ายด้วยคำว่า wax ซึ่งก็มีความหมายอีกแง่คือ "ฉันแว็กซ์เอง ฉันอยากดูแลตัวเอง"

เอ๋แล้วมาทำเล็บได้ยังไง แม่เป็นผู้ให้กำเนิดเราฉันใด การเริ่มต้นสู่การเป็นช่างทำเล็บของโอก็เริ่มต้นฉันนั้นค่ะ พอแม่เห็นว่าโออยากเปิดร้านแว็กซ์ขน เค้าก็พูดกับโอว่า "ทำเล็บด้วยสิ ใครจะขนขึ้นและมาแว็กซ์ขนกับเราได้ทุกวัน" 

ตอนนั้นรู้สึกจำใจทำมากค่ะ เพราะกลัวแม่ไม่ให้ทุนมาเปิดร้าน ไม่คิดเลยว่าจะมาเป็นงานที่รักได้ในปัจจุบัน

ไว้จะมาต่อในวันถัดไปนะคะ ว่าแล้วทำเล็บเป็นได้อย่างไร จากคนที่แม้แต่ร้านทำเล็บยังไม่เคยเข้า ทาสีเองก็ยังไม่เรียบ ไว้มาลุ้นกันนะคะ   




วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

กำลังคน และกำลังใจสำคัญต่อร้านทำเล็บอย่างไร

วันนี้มาต่อตามคำสัญญาค่ะ เรื่องของกำลังใจและกำลังคนสำหรับการเป็นเจ้าของร้านทำเล็บสไตส์โอเอง ^^
กำลังใจสำหรับร้านทำเล็บอย่างเรามี 2 แบบค่ะ แบบแรกก็คือกำลังใจที่ได้จากลูกค้า ความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า คำชม ทิป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกำลังใจอย่างดีให้กับผู้รักงานบริการอย่างเราค่ะ เมื่อเราได้ทำงานอย่างเต็มที่แค่เห็นลูกค้ายิ้มอย่างพึงพอใจ ออกจากร้านไปอย่างมีความสุข แม่ค้าก็สุขใจแล้วค่ะ แบบที่สองสำคัญยิ่งกว่าคือการให้กำลังใจตัวเองค่ะ ในบางครั้งเจอวิกฤตเศรษฐกิจ รายรับไม่ได้ดีมาก ลูกค้าที่ เป็นกำลังใจเรา เค้าก็อาจไม่มีกำลังมาใช้บริการ การให้กำลังใจตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สามารถทำให้เรายืนต่อในสายงาน นี้ได้ การให้กำลังใจตัวเองก็ไม่ยากค่ะ เช่นการอ่านหนังสือที่ให้แรงบรรดาลใจ การสวดมนต์ให้จิตใตสงบ การคุยกับตัวเองในสิ่งดีดีเรื่องดีดี หมั่นทำเถอะค่ะ ไม่ว่าอาชีพไหนใช้วิธีนี้เมื่อเจออุปสรรคมันช่วยได้มากจริงๆค่ะ ไว้มีหนังสืออะไรดีดี โอจะมาโพสแนะนำให้นะคะ
กำลังคนคืออะไร ก็ตรงตัวค่ะ คือคนที่มาช่วยเราทำงาน ร้านโอไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นช่างเก่งมาเลยนะคะ ใครที่ชอบแล้วอยากมาทำ เราพร้อมสอนค่ะ สอนฟรีพร้อมให้เงินเดือนด้วย โอเห็นเค้าค่อยๆเก่งขึ้นลูกค้าชม โอก็ดีใจแทนเค้านะคะ ร้านเล็บขาดกำลังคนไม่ได้ก็เพราะ จากประสบการณ์ที่โอเจอมา ลูกค้าชอบมาพร้อมๆกัน แล้วก็หายไปพร้อมๆกัน ซึ่งถ้าเรามีคนให้บริการน้อย ลูกค้าหลายคนก็มักจะไม่รอค่ะ กำลังคนจึงเป็นปัญหาส่วนใหญ่ที่ร้านทำเล็บเจอกัน และโอก็กำลังประสบอยู่ค่ะ ดังนั้นประกาศรับสมัครคนผ่านทางนี้เลยนะคะ ใครสนใจเรียน ทำเล็บ แว็กซ์ขน สปา มาเจอกันได้ที่ร้าน i-wax เลยค่ะ เราสอนฟรี พร้อมให้เบี้ยเลี้ยงค่ะ ^^
แต่ถ้าใครอยากทำร้านทำเล็บแบบโอ โอแนะนำให้ลองเรียนทำเล็บก่อนนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้เข้าใจสถานการณ์ต่างๆในร้าน ช่วยให้เราคุยกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น และสามารถทำเองได้ในวันที่กำลังคนขาดค่ะ
แต่อย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ ธุรกิจใดๆจะโตได้ต้องใช้กำลังคนทั้งนั้น อยากโต ก็ต้องผ่านจุดนี้ให้ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีฝันนะคะ

ก้าวแรกสู่การเป็นเจ้าของร้านทำเล็บ

วันดีดี สำหรับเจ้าของร้านทำเล็บ บางคนอาจคิดว่าต้องเป็นวันที่มีรายรับดีแน่ๆเลย แต่จริงๆในวันที่มีรายได้ดี ก็มีบางอย่างที่ทำให้โอไม่ได้รู้สึกว่าวันนั้นเป็นวันดีดี
 

วันดีดีสำหรับโอซึ่งทำร้านทำเล็บมาแล้ว 3 ปี เป็นเจ้าของที่ทำเป็นเองทุกอย่างไม่ว่าจะทำเล็บตัดหนัง ไปจนถึงต่อเล็บ แว็กซ์ขนทุกส่วน สปา กลับเป็นวันที่รายได้พอประมาณ แต่สามารถทำลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกคน ได้รับคำชม พนักงานได้ทิปกันถ้วนหน้า นี้สิวันดีดีของคนรักการบริการอย่างเรา

แล้วทำไมวันที่รายรับดีมากๆจึงไม่ใช่วันดีทั้งวัน นั้นก็เพราะบางครั้งเกิดเหตุสุดวิสัยที่เราไม่ได้ตั้งใจ อุบัติเหตุต่างๆที่เราควบคุมได้ยาก เช่น ล้างมือลูกค้า โทรศัพท์ลูกค้าดัง ตกใจ น้ำหก เราก็มักจะรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์เหล่านั้น ลูกค้าบางคนเข้าใจ เราก็โชคดีไป บางทีไม่เข้าใจ เราก็ต้องรับผิดไปตามระเบียบงานบริการ "ลูกค้าคือพระเจ้า"

มีคนหลายคนเมื่อเจอโอบอกว่าอยากทำร้านแบบเรา เป็นความฝันเลยอ่ะ ได้ทำเล็บฟรี!! ตลอดชีวิต โอบอกได้เลยว่าไม่ยากค่ะ ร้านแบบโอเป็นร้านที่ลงทุนไม่ได้เยอะ ใครก็เปิดได้ แต่สิ่งที่อยากให้เตรียมตัวคือเรื่องของใจที่ต้องรักงานบริการจริงๆ และต้องมีความจริงใจทั้งกับลูกค้า และพาร์ทเนอร์ที่จะมาช่วยเราทำงาน ร้านทำเล็บเป็นร้านที่ต้องมีทั้งกำลังใจและกำลังคน

กำลังใจคืออะไร และกำลังคนยังไง ไว้โอจะมาเล่าให้ฟังต่อในคราวหน้านะคะ *-*
วันนี้ถือเป็นคำนำ สำหรับบอร์กที่โอวางแผนจะทำค่ะ "เส้นทางสู่การเป็นเจ้าของร้านทำเล็บ" โอจะเล่าประสบการณ์ที่เจอมาทั้งหมดค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีความฝันเหมือนๆโอ ไว้มาคุยกันได้นะคะ